วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Jules Rimet

ประวัติถ้วยบอลโลก ตำนานโทรฟี่ฟุตบอลโลก จาก ‘จูลส์ ริเมต์’ ถึง ‘ฟีฟ่าเวิลด์คัพ
ความเป็นมาของถ้วยฟุตบอลโลกที่นับเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะทีมต่างๆต่อสู้เพื่อพิสูจน์ฝีมือและศักดิ์ศรีของประเทศนั้นมีด้วยกันสองรุ่น โดยรุ่นล่าสุดนี้เป็นถ้วยรางวัลที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต (75 เปอร์เซ็นต์) ความสูง 36.5 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางที่ฐาน 13 เซนติเมตร และมีน้ำหนักรวม 6.175 กิโลกรัม
fifa 
world cup trophy ถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ
fifa world cup trophyถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ

เรียกว่าถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ (
) ออกแบบโดยประติมากรรมชาวอิตาเลียน ซิลวิโอ กาซซานิก้า ในปีค.ศ.1971 โดยเส้นของรูปปั้นบิดขึ้นมาจากฐานเป็นรูปนักกีฬาสองคนยืนหันหลังยกโลก ดูมีพลังเคลื่อนไหวในตัวเพื่อเป็นจังหวะแห่งการฉลองชัยชนะ
ถ้วยเวิลด์คัพใบนี้เริ่มใช้ครั้งแรกในการแข่งขันปีค.ศ.1974 ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ และเยอรมนีก็คว้าถ้วยใบนี้สำเร็จครอบครองไว้นาน 4 ปี จากนั้นจึงลงไปอยู่อเมริกาใต้ แล้วกลับขึ้นมายุโรป สลับกัน 2 ทวีป อย่างนี้ในทุก 4 ปี เพราะประเทศที่ได้แชมป์จากเยอรมนีก็คือ อาร์เจนตินา (1978) อิตาลี (1982) เยอรมนี (1990) แล้วก็ล่าสุดคือบราซิล (1994)
แต่ถ้วยฟีฟ่าไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะฟีฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ถือว่าถ้วยนี้จะต้องอยู่ถาวรกับฟีฟ่า ผู้ชนะจะได้รับถ้วยจำลองที่ทำจากทองผสม ส่วนที่ฐานซึ่งมีแหวนคาดสองเส้น มีพื้นที่ไว้สลักชื่อผู้ชนะ 17 ช่อง ซึ่งเมื่อถึงปีค.ศ.2038 ชื่อก็จะเต็มช่องเหล่านี้ จากนั้นจะทำอย่างไรต่อไป ฟีฟ่าก็คงต้องปรึกษากัน
สำหรับประวัติถ้วยบอลโลกจูลส์ ริเมต์
trophy jules rimet (ถ้วยบอลโลกจูลส์ ริเมต์)
trophy jules rimet (ถ้วยบอลโลกจูลส์ ริเมต์)
ถ้วยเดิมชื่อถ้วยจูลส์ ริเมต์ ซึ่งเป็นชื่อของประธานฟีฟ่า ชาวฝรั่งเศสที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งแรกสำเร็จในปีค.ศ.1930 ถ้วยแรกทำจากเงินและทองหนัก 3.8 กิโลกรัม สูง 38 เซนติเมตร ฐานทำด้วยหินล้ำค่าสีฟ้า หรือไพฑูรย์ (Lapislazule) เป็นรูปเทพธิดาแห่งชัยชนะ (
goddess of victory
goddess of victory
ตรงเหลี่ยม 4 ด้านของฐาน สลักชื่อประเทศที่ได้แชมป์ที่ 9 ราย ชื่อนับตั้งแต่ปี 1930-1970
ถ้วยจูลส์ ริเมต์ หายไปถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปีค.ศ.1966 ช่วงที่อังกฤษได้แชมป์ มีคนมาพบว่าถูกฝังอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยฝีมือเจ้าสุนัขตัวเล็กชื่อพิกเกิ้ลส์ แต่พอถ้วยมาหายจริงๆในปีค.ศ.1983 ช่วงบราซิลได้สิทธิครอบครองถ้วยนี้อย่างถาวร หลังจากคว้าแชมป์ 3 สมัยได้สำเร็จ โดยขโมยมือดีฉกถ้วยจากที่เก็บในนครริโอเดอจาเนโร ประวัติกันจริงๆ แล้ว ถ้วยใบนี้แรกสุดก็ไม่ได้ใช้ชื่อดังกล่าว แต่อย่างใด เพราะมีคนตั้งชื่อเล่นให้ว่า “วิกตอรี่” ที่แปลว่า “ชัยชนะ” ตามชื่อของเทพีไนกี้เอาไว้แล้ว กระทั่งปี 1946 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นเกียรติแก่ “ฌูลส์ ริเม่ต์” ประธานฟีฟ่าผู้ริเริ่มให้จัดการแข่งขันขึ้นมานั่นเอง
ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 ถ้วยฌูลส์ ริเม่ต์ ได้รับการพิทักษ์รักษาโดย “อ๊อตโตริโน่ บาราสซี่” รองประธานฟีฟ่าชาวอิตาเลียน ผู้ตัดสินใจไปเอาถ้วยออกมาจากธนาคาร แล้วนำมาซ่อนไว้ในกล่องรองเท้าใต้เตียงตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารนาซียึดไป
แต่ถึงจะรอดพ้นจากการยึดครองของทหารนาซีมาได้ รางวัลสูงสุดของฟีฟ่ากลับต้องมา “เสียท่า” ให้กับขโมยธรรมดาๆ ซึ่งแอบดอดเข้าไปในเวสต์มินสเตอร์ เซ็นทรัล ฮอลล์ สถานที่จัดแสดงถ้วยในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1966 ก่อนหน้าฟุตบอลโลก 1966 ที่อังกฤษจะเปิดฉากเพียง 4 เดือน
เคราะห์ดีที่อีก 1 สัปดาห์ต่อมา หมาแสนรู้ “พิกเคิลส์” ไปพบถ้วยใบนี้ถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ทิ้งไว้ในพุ่มไม้แถวบ้านเจ้านายของมันเข้า
เมื่อมีประสบการณ์ร้ายๆ มาแล้ว ฟีฟ่าจึงตัดสินใจทำถ้วยจำลองขึ้นเพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองหลังจบศึกฟุตบอลโลก และถูกใช้ในสถานการณ์ต่างๆ อยู่เป็นระยะๆ กระทั่งถึงปี 1970 และมีการนำถ้วยจำลองออกประมูลเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เป็นมูลค่าสูงถึง 254,500 ปอนด์ โดยฟีฟ่าเอง เพื่อนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลในเมืองเพรสตัน ประเทศอังกฤษ
ส่วนถ้วยฌูลส์ ริเม่ต์ ของจริงนั้นทีมบราซิลได้รับสิทธิให้ครอบครองอย่างบริบูรณ์ ภายหลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย ได้เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 1970
น่าเสียดายที่ถ้วยใบนั้นถูกขโมยไปจากอาคารสำนักงานสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลในเมืองริโอ เดอจาเนโร เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 1983 และไม่เคยมีใครได้เห็นมันอีกเลย…
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมอบถ้วยฌูลส์ ริเม่ต์ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของบราซิลไปแล้ว ฟีฟ่าจึงได้สร้างถ้วยรางวัลใหม่ขึ้นมา รู้จักกันในนามถ้วย “ฟีฟ่า เวิร์ลด์คัพ” ออกแบบโดย “ซิลบิโอ กัซซานิก้า” ศิลปินชาวอิตาเลียน ซึ่งฟีฟ่าเลือกขึ้นมาจากแบบที่มีผู้นำเสนอถึง 53 แบบ
ถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลด์คัพ ทำจากทองคำ 18 กะรัต (75 เปอร์เซ็นต์) ความสูง 36.5 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางที่ฐาน 13 เซนติเมตร และมีน้ำหนักรวม 6.175 กิโลกรัม
บริเวณฐานของถ้วยจะสลักคำว่า “ฟีฟ่า เวิร์ลด์คัพ” เอาไว้ชัดเจน โดยชื่อของแชมป์ในแต่ละสมัยจะถูกจารึกไว้ที่ฐานของถ้วยด้วยภาษาอังกฤษ ต่อจากปีที่ทีมนั้นๆ ได้แชมป์ อาทิ “2002 บราซิล” เป็นต้น
นักเตะคนแรกที่ได้ชูถ้วยใบนี้คือ “ฟร้านซ์ เบ๊กเค่นบาวร์” กัปตันทีมอินทรีเหล็กชุดแชมป์โลกปี 1974 และถึงปัจจุบันมีเพียง 5 ชาติเท่านั้นที่ได้รับการจารึกชื่อไว้ที่ฐานของถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลด์คัพ นั่นคือ เยอรมนีตะวันตก อาร์เจนตินา อิตาลี บราซิล และฝรั่งเศส
แม้ฟีฟ่าจะมีกฎว่า จะไม่มีทีมใดได้ครอบครองถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลด์คัพ เหมือนกับถ้วยฌูลส์ ริเม่ต์ เมื่อครั้งอดีต (แชมป์แต่ละครั้งจะได้ “ยืม” ถ้วยไปเชยชม 4 ปี แล้วต้องเอาไปคืนเพื่อใช้ในฟุตบอลโลกหนต่อไป และฟีฟ่าจะมอบถ้วยจำลองให้ไว้เป็นที่ระลึกแทน) แต่เนื่องจากฐานของถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลด์คัพ นั้นจะจารึกชื่อแชมป์โลกไปได้จนถึงปี 2038 หรืออีก28 ปีข้างหน้าเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น